Schloss Drachenburg, Germany 🇩🇪

Schloss Drachenburg, Germany 🇩🇪 (ฺปราสาทดราคเฮินบุร์ก ประเทศเยอรมนี)

Disclaimer: This article is bilingual. The content will be presented first in English, followed by the Thai translation. (บทความนี้เป็นบทความสองภาษา จะเริ่มด้วยเนื้อหาภาษาอังกฤษก่อน และตามด้วยเนื้อหาภาษาไทย)

🌼General Information:

• Location: Königswinter, North Rhine‑Westphalia, Germany

• Year Built: 1883 (As of 2025, the mansion is 143 years old)

• Architectural Style: Historicism / Neo‑Romantic historicism (a mix of Gothic and Romantic villa styles)

• Original Owner (Builder): Baron Stephan von Sarter, a wealthy stock market investor

• Architects: Bernhard Tüshaus and Leo von Abbema from Düsseldorf; later Wilhelm Hoffman from Paris completed the project

• Purpose: Built as a luxurious private villa styled like a palace, intended as a summer residence for the Baron, though he never actually lived there

• Number of Rooms: Not clearly documented in available sources

• Total Area: Garden area approximately 10 hectares (~0.10 square kilometers)

---

🍒Visitor Information:

• Opening Hours: Daily, 11:00 AM – 6:00 PM (or 12:00 – 5:00 PM depending on the season; check the website)

• Admission Fee: €10 (approximately 375 THB)

• Website: https://schloss-drachenburg.de/en/

---

🍊 Highlights of Schloss Drachenburg:

• The castle was constructed rapidly between 1882–1884 by Baron Stephan von Sarter, a banker and wealthy investor in the Paris stock market. He wanted a luxurious residence on Drachenfels Hill overlooking the Rhine River, designed to evoke the feel of a fairytale castle.

• Despite its beauty, the Baron never lived in the castle; some sources say he resided in Geneva instead.

• After the Baron’s death, the castle changed hands and purposes multiple times: it was sold to private owners, briefly became a hotel, and there were plans to convert it into a luxury resort, which were never realized.

• It was later used as a Christian training school (St. Michael School), and during the war, as a Nazi youth school (Napola) for training future male leaders. Afterwards, it served as a rehabilitation camp for wounded soldiers during World War II.

• After the war, the castle fell into severe disrepair. Some parts were used as offices, schools, or temporary housing, while others were altered or damaged.

• Eventually, the castle underwent restoration and today is open to the public as a museum.

------------------------------------------------------------------------------

🍑 ข้อมูลทั่วไป:

• สถานที่ตั้ง: เมือง Königswinter, รัฐ Nordrhein‑Westfalen, ประเทศเยอรมนี
• ก่อสร้างในปี: 1883 (ในปี 2025 บ้านหลังนี้มีอายุ 143 ปี)
• สไตล์ของบ้าน: สไตล์ Historicism / Neo‑Romantic historicism (ผสม Gothic และ Romantic villa)
• เจ้าของบ้าน (ผู้ริเริ่มสร้าง): Baron Stephan von Sarter (บารอนผู้ร่ำรวยจากตลาดหุ้น)
• ผู้ออกแบบ: สถาปนิกจาก Düsseldorf คือ Bernhard Tüshaus และ Leo von Abbema, ต่อมาสถาปนิก Wilhelm Hoffman (จากปารีส) มารับช่วงดำเนินการให้เสร็จในภายหลัง 
• วัตถุประสงค์ที่สร้าง: สร้างเป็น คฤหาสน์หรูส่วนตัว หรือ “villa styled as a palace” เพื่อเป็นที่พักฤดูร้อนของบารอน แต่บารอนไม่เคยอาศัยจริง
• จำนวนห้อง: ข้อมูลจำนวนห้องไม่ปรากฏในแหล่งข้อมูลทั่วไป (ไม่สามารถระบุจำนวนห้องได้ชัดเจน)
• จำนวนพื้นที่ทั้งหมด: พื้นที่สวนประมาณ 10 เฮกตาร์ (~0.10 ตารางกิโลเมตร)

🍟ข้อมูลสำหรับการไปเยี่ยมชม:

• เวลาเปิดเข้าชม: เปิดทุกวัน เวลา 11:00–18:00 น., 12.00-17.00 น. แล้วแต่ช่วงฤดูกาล เช็คในเว็บไซต์อีกที
• ค่าเข้า: 10 ยูโร (ประมาณ 375 บาท) 
• Website: https://schloss-drachenburg.de/en/

🍏จุดสนใจของสถานที่นี้:

• ปราสาทนี้สร้างขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 1882–1884 โดย บารอน Stephan von Sarter เขาเป็นนายธนาคารและนักลงทุนที่รวยจากตลาดหุ้นในปารีส เขาต้องการสร้างบ้านพักหรูบนเขา Drachenfels ที่มองเห็นแม่น้ำไรน์ – ให้มีบรรยากาศเหมือนปราสาทในเทพนิยาย
• แม้จะสร้างเสร็จสวยงาม แต่ เขาไม่เคยอาศัยอยู่ในนั้นเลยแม้แต่วันเดียว (บางแหล่งบอกว่าเขาอาศัยที่เจนีวาแทน)
• หลังจากบารอนเสียชีวิต ปราสาทก็เปลี่ยนมือและหน้าที่หลายครั้ง เช่น ถูกขายให้เอกชนและกลายเป็นโรงแรมช่วงสั้นๆ หรือมีแผนจะทำเป็นรีสอร์ตหรู แต่ไม่สำเร็จ
• แล้วก็กลายเป็น โรงเรียนฝึกอบรมของศาสนาคริสต์ (St. Michael School)
• ในช่วงสงครามก็ถูกใช้เป็น โรงเรียนเยาวชนนาซี (Napola) – ฝึกผู้นำชายรุ่นใหม่ และต่อมาใช้เป็นค่ายพักฟื้นทหารบาดเจ็บในสงครามโลกครั้งที่ 2
• หลังสงคราม ปราสาทเสื่อมโทรมอย่างหนัก มีการใช้บางส่วนเป็นสำนักงาน โรงเรียน หรือที่พักชั่วคราว บางส่วนถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลงจนผิดไปจากเดิม
• ต่อมาก็มีการบูรณะและปัจจุบันก็เปิดให้เป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนทั่วไปเข้าชมได้